สภาสหรัฐฯ เตรียมเล็ง ถอดถอน ทรัมป์ ก่อนกำหนด หลังจากที่เขาได้ปลุกปั่นผู้ชุมนุมในระหว่างการบุกสภา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ เมื่อวันที่ 11 มกราคม สำนักข่าว CNN ระบุว่า นาง แนนซี เปโรซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา สังกัดพรรคเดโมแครต ได้ประกาศว่า สภาสหรัฐฯเตรียมเดินหน้าผ่านมติเอกฉันท์ เรียกร้องให้นาย ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี ถอดถอน นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกจากตำแหน่ง
หากมติดังกล่าวไม่ได้รับการยินยอมอย่างเป็นเอกฉันท์
จะนำไปสู่การลงคะแนนรับรองรวมในวันถัดมา และจะเรียกร้องให้นายเพนซ์ตอบสนองต่อมติใช้บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 ถอดถอนนายทรัมป์ภายใน 24 ชั่วโมง สำนักข่าว CNN วิเคราะห์ว่า มติดังกล่าวไม่น่าจะได้รับการยินยอมอย่างเป็นเอกฉันท์ เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันของนาย ทรัมป์ น่าจะไม่เห็นชอบกับมติดังกล่าว
นอกจากนี้ นาง เปโรซี ยังได้กล่าวโจมตีอีกว่า นายทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่อันตราย พร้อมกล่าวว่าสิ่งที่นาย ทรัมป์ ควรจะรับโทษทางกฏหมายจากสิ่งที่เขาทำ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 5 วัน หลังจากที่ผู้สนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ จำนวนมากบุกรุกสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ขณะวุฒิสมาชิกกำลังประชุมเพื่อยืนยันคะแนนโหวตของคณะผู้เลือกตั้ง เพื่อยืนยันว่า โจ ไบเดน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวในวันเกิดเหตุขอร้องให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับบ้าน อย่างไรก็ตามในวิดีโอดังกล่าว นายทรัมป์ ยังได้กล่าวว่าผู้ชุมนุมเป็นคนพิเศษ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการปลุกปั่นและทำให้สถานการณ์บานปลาย จากเหตุความรุนแรงครั้งนี้มียอดผู้เสียชีวิต 5 ศพ เป็นผู้ชุมนุม 4 ศพ และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย
แพทย์ส่วนพระองค์ของโป๊ปฟรานซิสใน วาติกัน เสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนของ โควิด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะที่วาติกันมีกำหนดฉีดวัคซีนสัปดาห์หน้า
เมื่อวันที่ 10 มกราคม สำนักข่าว CNN รายงานว่า นายแพทย์ ฟาบริซิโอ ซอคคอร์ซี แพทย์ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เสียชีวิตแล้วเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา จากอาการแทรกซ้อนของโรคโควิด-19 หลังจากที่เขาเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในกรุงโรมตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา
นายแพทย์ ซอคคอร์ซี ปฏิบัติหน้าที่เป็นแพทย์ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ตั้งแต่ปี 2558 และเสียชีวิตในขณะมีอายุได้ 78 ปี
ขณะเดียวกัน พระสันตะปาปาฟรานซิส ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นว่า วาติกันจะเริ่มการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในสัปดาห์หน้า ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซินทรงมีกำหนดจะเข้ารับวัคซีนเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้พระองค์เคยตรัสว่า “ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนที่มีศีลธรรมควรเข้ารับวัคซีน”
ไบเดน เตรียม ฉีด วัคซีนโควิด โดส 2 วันจันทร์นี้
โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเข้าฉีด วัคซีนโควิด โดส 2 ในวันพรุ่งนี้ หลังครบกำหนด 3 สัปดาห์ หลังฉีดวัคซีนโดสแรก เมื่อวันที่ 11 มกราคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า นาย โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46 มีกำหนดเข้าฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โดสที่ 2 ในวันพรุ่งนี้
หลังจากที่เมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน นาย ไบเดน ได้ฉีดวัคซีนออกโทรทัศน์เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนถึงความปลอดภัยของวัคซีน โดยวัคซีนไฟเซอร์นั้นจำเป็นต้องมีการฉีด 2 ครั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคโควิด-19
ตัวแทนของนายไบเดน ระบุว่าการฉีดวัคซีนโดสที่ 2 นี้จะออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์เหมือนกับครั้งแรก ทั้งนี้ตัวแทนของว่าที่ผู้นำสหรัฐฯไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ขณะนี้มีประชาชนสหรัฐฯได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วราวๆ 6.7 ล้านคน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น้อยกว่าที่ทางการสหรัฐฯตั้งไว้มาก โดยทางการตั้งเป้าไว้ว่าจะมีประชาชนราวๆ 20 ล้านคนได้รับวัคซีนในช่วงสิ้นปี 2563 ที่ผ่านมา
ประเทศสหรัฐอเมริกาถือเป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยสะสมและยอดผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยสหรัฐอเมริกามียอดผู้ป่วยสะสม 22 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 4 แสนศพ
ด้านนายแพทย์ บิน เฉา หัวหน้าทีมวิจัยได้กล่าวในคำแถลงการว่า เพราะโรคโควิด-19 เป็นโรคใหม่ทำให้ พวกเราเพิ่งเห็นถึงผลกระทบในระยะยาวกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งแบบสำรวจในครั้งนี้ชี้ว่าผู้ที่หายป่วยควรอยู่ได้รับการดูแล แม้จะถูกปล่อยตัวจาก รพ. แล้วก็ตาม
ขณะนี้มีผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 ทั่วโลกแล้วมากกว่า 91 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสแล้วเกือบ 2 ล้านศพ
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป