สามีชาวจีน วางแผนฆ่าเมียคนไทย ปมมรดกธุรกิจ 70 ล้าน จัดฉากอ้างผูกคอตาย พาส่ง รพ. รีบนำศพทำพิธี เพื่อนเผยข้อมูลสำคัญ คนตายเคยบอกไว้ตอนมีชวิตเกิดอะไรขึ้นให้เชื่อว่าสามีเป็นคนทำ สลดเหตุการณ์ สามีชาวจีนวางแผนฆ่าภรรยาชาวไทย จากแถลงข่าว โดยตำรวจภูธรภาค 7 หลังการจับกุม นายจิงกวง เฉิน อายุ 48 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาในคดีฆ่า นางสาวปารวี หรือ หมวย อายุ 39 ปี ภรรยาและย้ายศพเพื่ออำพรางคดี โดยเหตุเกิดเมื่อ14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นายจิงกวง พาภรรยาไปส่งโรงพยาบาล โดยแจ้งว่าพยายามจะผูกคอตายซึ่งหลังรักษาตัวภรรยาได้เสียชีวิตลง
อย่างไรก็ตาม เพื่อนผู้เสียชีวิต ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจว่า
ผู้ตายเคยบอกไว้ตอนยังมีชีวิตว่า หากเป็นอะไรไปให้เชื่อว่าเป็นฝีมือของสามี ให้ไปแจ้งความไว้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาผู้ตายมักจะถูกสามีทำร้ายร่างกายเป็นประจำ โดยเหตุการณืวันที่พาภรรยาไปส่ง รพ.นั้น คนร้ายมีท่าทีพิรุธ ผิดสังเกต รีบนำศพออกจากโรงพยาบาลไปทำพิธีอย่างร้อนรน โดยไม่มีพิธีรดน้ำศพ ไม่มีใครได้เห็นสภาพศพ
นอจากนี้ นายจิงกวง ยังบอกกับทุกคนถึงสาเหตุการเสียชีวิตของภรรยานั้นเป้็นเพราะกินยาลดน้ำหนัก ร่วมกับดื่มสุราและเสพกัญชาจนตาย แต่ผลชันสูตรพลิกศพจากหมอนิติเวช ยันชัด ผู้ตายเสียชีวิตจากการถูกรัดคอ ไม่ใช่การผูกคอตาย ขัดแย้งกับคำให้การสามี จึงเป็นพยานหลักฐานเพียงพอให้เชื่อได้ว่า น.ส.ปารวี ถูกสามีฆาตกรรม
นอกจากนี้ภายหลังการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดที่ถูกถอดออกไป ทำให้ทราบว่า ช่วง 02.50 น. นายจิงกวง อุ้มร่างภรรยาลงมา พยายามจัดท่าให้ภรรยาอยู่ในท่านอนเพื่อให้เข้าไปในรถ จากนั้น 03.06 น. ก็กลับเข้ามาที่บ้านอีกครั้งโดยที่ร่างภรรยายังอยู่ในรถ จากนั้นจึงขับรถออกไปอีกรอบ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สันนิษฐานสาเหตุการฆาตกรรมครั้งนี้ น่าจะมาจากปมปัญหาขัดแย้งของนายกวงกับภรรยา ทั้งนี้ทราบว่าภรรยามีธุรกิจโรงงานผลิตเครื่องสำอางมีเงินหมุนเวียนกว่า 70 ล้านบาท จึงอาจจเป็นเหตุให้ประสงค์ในทรัพย์ของภรรยาที่จดทะเบียนสมรสกันร่วมกัน
นายทุนใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผู้ต้องหา หมายแดง ตำรวจสากลสิ้นท่า ถูกเจ้าหน้าที่ สตม. ไทย เข้าจัมกุมตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ ข่าวการจับกุมตัว นายทุนใหญ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผู้ต้องหาหมายแดง สัญชาติจีน ได้รับการเปิดเผยโดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ภายหลังได้รับแจ้งจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า
นายโจว ต้าเว่ย สัญชาติจีน ผู้ต้องหาที่ทางการจีนออกหมายแดง (Red Notice) ข้อหา “การจัดการและขนส่งบุคคลลักลอบเข้าและออกเมือง” จะเดินทางเข้ามายังราชอาณาจักรไทยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ ผบ.ตร. รีบสั่งการให้ สตม. ควบคุมตัวผู้ต้องหาในทันทีที่ห้องกักท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อสืบสวนขยายผล
ภายหลังการสอบปากคำ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.65 รับสารภาพเป็นคนทำหน้าที่จัดหาและลักลอบนำชาวจีนข้ามแดนไปทำงานเป็นแก๊ง call center ที่ประเทศลาวและกัมพูชาจริง อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และ ตม.จีน ต้องการตัวเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ทางการจีนแจ้งให้ นายโจว ผู้ต้องหาทราบแล้วว่าเป็นบุคคลมี Red Notice หรือ “หมายแดง” และทำการยกเลิกหนังสือเดินทางผู้ต้องหาแล้ว โดยเวลานี้ยินยอมกลับไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและถูกส่งตัวกลับไปที่ประเทศจีนแล้ว โดยสายการบิน China Southern Airlines CZ 3082.
ศุลกากร แจ้งความ ‘ทอม เครือโสภณ’ นำเข้ากัญชา ผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ศุลการ แจ้งความ ทอม เครือโสภณ นำเข้ากัญชา ผิดกฎหมาย ตรวจพบสำแดงว่าเป็นเหล็กแต่ข้างในเป็นกัญชา เจ้าตัวยันนำเข้าถูกกฎหมาย เจ้าหน้าที่จากกรมศุลกากร เดินทางเข้าแจ้งความ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ที่ สภ.สุวรรณภูมิ เพื่อเอาผิด ทอม เครือโสภณ นำเข้ากัญชา ขนาด 9.5 กิโลกรัม โดยสำแดงว่าเป็นเหล็กเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่ากรณีที่นายทอม นำเข้าช่อดอกกัญชา จากประเทศสหรัฐฮเมริกามายังประเทศไทย และอ้างว่าสามารถสั่งซื้อจากต่างประเทศได้ พร้อมแสดงเอกสารการส่งสินค้าเข้ามาในไทย ว่าจากการตรวจสอบพบสินค้าระบุชื่อนายทอม แต่สำแดงว่าเหล็ก ภายในเป็นกัญชา
กรณีนี้เป็นความผิดต่อกฎหมายสองฉบับได้แก่ พ.ร.บ.กักพืช และ พ.ร.บ.ศุลกากร และหลังหารือ เห็นควรว่า พิจารณาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ฐานสำแดงเท็จ ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดคือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ
พร้อมขอให้ตำรวจดำเนินคดี ทอม เครือโสภณ ในฐานะที่เป็นผู้สั่งซื้อ และดำเนินคดีกับบริษัทนำส่งสินค้า ที่ทราบว่ามีต้นทางมาจากสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจข้อมูลย้อนหลังและพบว่า นายทอม เคยสั่งซื้อสินค้าให้นำเข้า โดยการสำแดงเท็จมาแล้ว 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรก พบว่าสินค้าที่สำแดงกับด่านศุลกากร แจ้งว่าเป็นของตกแต่งคริสต์มาส และพื้นยาง ก่อนที่ครั้งที่ 3 จะสำแดงเป็นสินค้าเหล็ก ซึ่งครั้งนี้มีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจน สามารถเอาผิดได้ ส่วนใน 2 ครั้งแรก จะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวน ไปพิจารณานำสืบ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ดี ทอม เครือโสภณ ได้เผยแพร่วิดีโอสั้นๆบนเฟซบุ๊กโต้ตอบว่าตนยังไม่ได้ถูกจบ และยืนยันว่าตนได้นำกัญชาเข้ามาอย่างถูกกฎหมาย
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป